ชวนกิน “ข้าวใหม่-ปลามัน” เก็บความหลากหลายทางชีวภาพ หุงข้าวใหม่ 10-20 ชนิดให้กินพร้อมปลาธรรมชาติ 5 ชนิด ภายในงาน Green Fair’10 ตลาดชุมชนสีเขียวที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ณ สวนลุมพินี 16-19 ธ.ค.นี้ พร้อมเลือกซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพในราคาต้นทุน
เครือข่ายตลาดสีเขียวและบริษัท สวนเงินมีมา จำกัด ร่วมจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์อินทรีย์และผลผลิตตลาดสีเขียวชุมชนครั้งที่ 4 หรือ Green Fair’10 ภายใต้แนวคิด “วิถีสีเขียว-ความหลากหลายเพื่อสมดุลโลก” โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 ธ.ค.53 ณ สวนลุมพินี และตั้งเป้าช่วยสื่อสารองค์ความรู้แก่สังคมไทยให้เห็นคุณค่าและความสำคัญของ ความหลากลาย ทั้งด้านระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนวัฒนธรรมและวิถีชีวิต โดยให้ตระหนักเห็นวิถีของคนที่มีปัญหาสร้างผลกระทบ พร้อมทั้งให้ความรู้ในด้านต่างๆ และสร้างทางเลือกใหม่ที่ดีต่อตนเอง สังคมและโลก
ภายในงานนอกจากสินค้าเกษตรอินทรีย์กว่า 3,000 รายการ การสาธิตเมนูเกษตรอินทรีย์ เครื่องดื่มปลอดสารพิษ การเสวนาและนิทรรศการครัวโบราณสาธิต หัตถกรรมชุมชน การปฏิวัติพลังงาน และพื้นที่การเรียนรู้ “สีเขียวของคนเมือง กาย ใจ จิตวิญญาณ” พร้อมการละเล่นพื้นบ้าน การเต้นปัญจลีลา ละครเวที การแสดงของนักดนตรีจากค่าย Love is และ Hope Family แล้ว ยังมีกิจกรรมฉลองเทศกาล “ข้าวใหม่-ปลามัน”
กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวถึงกิจกรรม “ข้าวใหม่-ปลามัน” ว่าภายในงานจะนำข้าวใหม่ 10-20 ชนิดมาหุงให้ผู้ร่วมงานได้กินพร้อมกับปลาธรรมชาติ 5 ชนิด คือ ปลาหลด ปลาหมอ ปลารากกล้วย ปลาช่อนนา และปลาซิว-ปลาสร้อย พร้อมอธิบายว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีลมเย็นๆ พัดมา แค่ได้กินข้าวใหม่ร้อนๆ พร้อมกับปลาในฤดูนี้ที่เก็บความมันไว้ในตัวเยอะ ก็เหมือน “ขึ้นสวรรค์”
“วิถีสีเขียวนี้เราจะนำเสนอเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายของพันธุ์ข้าว ผักและอาหาร ในงานเราจะนำข้าวมาหุงให้กินหลายชนิด เช่น ข้าวมะลิแดงของยโสธร ข้าวมะลิของยโสธร ข้าวดอยของเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งข้าวแต่ละชนิดมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน บางชนิดกินกับปลาอร่อย บางชนิดกินกับแกงอร่อย เรามีข้าวเป็น 100 พันธุ์ แต่เรารู้จักแค่ไม่กี่พันธุ์ ข้าวขาวมากกับข้าวน้อย ความหลากหลายจึงน้อยลงเพราะเรากินกันไม่กี่อย่าง การกินจะช่วยรักษาต้นทางของอาหารไว้ได้” กิ่งกรกล่าว
พร้อมกันนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานดังกล่าวด้วย โดย คุณาวุฒิ บุญญานพคุณ ผู้จัดการฝ่ายอุตสาหกรรมเศรษฐนิเวศ สนช.บอกกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ทางสำนักงานได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน Green Fair เป็นปีที่ 3 แล้ว โดยขยายการสนับสนุนทั้งจำนวนเงินและผลิตภัณฑ์ที่นำมาร่วมในงานเพิ่มขึ้นทุก ปี และสำหรับปีนี้ทางสำนักงานได้เจรจากับผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์และพลาสติก ชีวภาพเพื่อนำมาจำหน่ายในงานด้วยราคาต้นทุน เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยราคาจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพซึ่งปกติแพงกว่าพลาสติกทั่วไป 2-3 เท่า จะเหลือเพียง 1.2 เท่า ซึ่งเป็นราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพที่โดดเด่นสำหรับจำหน่ายภายใน งานคือ “หลอดกาแฟพลาสติกชีวภาพ” ซึ่ง คุณาวุฒิกล่าวว่า จะช่วยสนับสนุนการจัดงานให้บรรลุเป้าหมาย เพราะภายในงานจะเน้นทุกอย่างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคาดว่าผู้มาร่วมงานจะซื้อน้ำดื่มและใช้หลอดจำนวนมาก ดังนั้น หลอดกาแฟพลาสติกชีวภาพจะช่วยลดขยะแบบใช้แล้วทิ้ง และพยายามเน้นผลิตภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งชนิดนี้ เนื่องจากพลาสติกชีวภาพประเภทถุงร้อนยังทนความร้อนได้ไม่มากเท่าพลาสติกทั่ว ไป
ด้าน บอย โกสิยพงษ์ ศิลปินผู้ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตสีเขียว กล่าวถึงอาหารเกษตรอินทรีย์ที่มีราคาแพงกว่าอาหารทั่วไปว่า หากเราไม่ได้ใช้จ่ายในการซื้ออาหารที่ปลอดภัยต่อตัวเองก็ต้องจ่ายเงินเป็น ค่ารักษาพยาบาลและดูสุขภาพจากการเจ็บป่วยเนื่องจากสารพิษอยู่ดี พร้อมทั้งแนะวิธีการใช้ชีวิตสีเขียวว่าให้พยายามทำในสิ่งที่ทำได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างตัวเองที่ชินกับการนอนในห้องปรับอากาศและไม่สามารถเลิก ได้ จึงเลือกที่จะสร้างวิถีชีวิตสีเขียวแบบอื่น เช่น กินอาหารเกษตรอินทรีย์ ลดขยะ เป็นต้น ซึ่งดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และสุดท้ายก็พังหมดทุกอย่าง
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2553