ตอนที่ 15 ไปป่าคู้ล่าง (2)
แชร์
65
email-subscribers
domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init
action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home4-ns1sg/food/domains/food4change.in.th/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114jetpack-boost
domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init
action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home4-ns1sg/food/domains/food4change.in.th/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114แชร์
65
65
ก่อนฟ้าสาง ฉันตื่นขึ้นมาฟังเสียงน้ำค้างหยดลงหลังคาสังกะสี โดยมีเสียงสารพัดร้องนกแว่วเจื้อยแจ้วไม่ขายสาย
อากาศข้างนอกถุงนอนกำลังเย็นสดชื่น เสียงความเคลื่อนไหวของใครอีกหลายทำให้ฉันตัดสินใจเดินไปสมทบตรงเส้นทางที่ทอดตัวสู่หมู่บ้าน
ใต้ต้นมะกอกป่าหลังบ้านเป็นจุดรวมหมู่เพื่อพาพวกเราเดินสู่แปลงผักอินทรีย์ แปลงปลูกผักที่คนปลูกไม่ต้องแยกปลูกเพื่อกินและเพื่อขายอย่างในอีกหลายที่
ระหว่างที่พวกเรากลุ่มที่ 1 เดินตามหลังเสวก ซึ่งเป็น 1 ใน 9 คนที่เริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน คุณติ่งเล่าให้พวกเราฟังว่าเมื่อ 2 ปีก่อนแล้วคุณติ่งเคยมาที่นี่ ความรู้สึกดีๆ ที่คุณติ่งว่า ?พบแล้ว? กับสิ่งที่ตนเองค้นหา ที่มีมากกว่าผักปลอดสาร แต่เหมือนว่ามา ?พบญาติ? ทีเดียว
ทางแคบๆ ที่ทำให้พวกเราเดินเรียงเดี่ยวเป็นแถว ทำให้ฉันไม่ได้เห็นสีหน้าของคนพูด แต่น้ำเสียงนั้นสดชื่นไม่แพ้บรรยากาศโดยรอบ ลำแดดอ่อนๆ เริ่มแผ่ปกคลุม แล้วคุณติ่งก็เล่าขำให้ฟังเรื่องที่เพื่อนๆ ที่ทำงานวิพากษ์วิจารณ์กับความพยายามของเขาในการที่จะหิ้วปิ่นโตที่มีความหมายมากกว่าสุขภาพและความประหยัดไปที่กินกลางวันในที่ทำงาน กับคำถามทิ้งท้ายในใจฉัน เรามีชีวิตอยู่เพื่อให้คนมองหรือเราควรมองชีวิตต่อเรื่องที่เราทำอย่างไร?
ราว 10 นาทีจากใต้ต้นมะกอก เราถึงแปลงผักแปลงแรก ที่มีสารพัดผักใบที่เหมาะกับการปลูกได้ในช่วงอากาศเย็นๆ แบบนี้ ทั้งกะหล่ำปลี คะน้า กวางตุ้ง ลุ้ย แครรอท โดยที่มีผักพื้นบ้านอื่นๆ แทรก และแอบอยู่ตามมุมต่างๆ ของแปลง
เชอรี่แจกตะกร้าและมีดให้พวกเราตัดผักกลับบ้านตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งช่วงนี้เองที่ชาวบ้านต้องตอบคำถามมากมายของพวกเรา อย่าง ?(ลุ้ย) ต้นนี้โตพอตัดได้หรือยัง? ?(บล็อกโคลี่) มันจะโตกว่านี้อีกไหม? สลับกับ ?หูย! ดูนั่น หัวไชเท้า? ?นี่ๆ ! นี่ต้นอะไร? โดยที่ทั้งคนถามคนตอบก็ถามตอบกันแบบยิ้มไป เพลินไป
ข้าวหลามเมื่อคืนเป็นเสบียงรองท้องแจกใต้ร่มมะกอก และโดยอาศัยความชุ่มชื่นคอจากลูกมะกอกสุก ทำให้เกือบ 2 ชั่วโมงที่เราเพลินไปกับการเดินแปลงและตัดผักผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จนกลับมาถึงที่กลางลานอีกที เรามีขนุนลูกใหญ่เนื้อหวานนุ่มเหนียว กับกล้วยน้ำว้าเครือใหญ่รองท้อง
กำลังเพลินกับจากขนุนกับกล้วย สาวๆ เจ้าบ้านก็ลำเลียงจานผักสลัดอินทรีย์สดๆ พร้อมน้ำสลัดฟักทอง และน้ำสลัดไข่ไก่สุก และข้าวต้มถั่ว 5 สีเห็ด 3 อย่าง มาวางรอ
ยังไม่ทันจบมื้อเช้าด้วยสลัดและข้าวต้ม เสียงตุ๊บๆ หนักๆ ดังอยู่ใกล้ๆ นั้นดังขึ้น จากนั้นก็ได้กลิ่นหอมโชยมาตามต้นกำเนิดของเสียง หนุ่มๆ เจ้าบ้านกำลังตำงาคั่ว เป็นงาหอมที่พวกเขาเพิ่งได้พันธุ์ดีมาปลูกจากเพื่อที่ทำเกษตรอินทรีย์ที่น่าน ฉันนึกย้อนไปถึงต้นงาหอมในแปลงผักเมื่อเช้าที่ไม่ใช่หอมแค่เมล็ด แต่ใบมันก็หอมรื่น เหมาะสำหรับการจะขอลองนำเมล็ดไปปลูกเพื่อทำสปาที่บ้าน
เมล็ดพันธุ์ที่หลากหลาย ยังคงมีอยู่ให้ได้กินได้ใช้ด้วยการขอ แลก บ่งปันเอาไปทดลองปลูก ทดลองกินแบบนี้เอง
พี่เสวกเองก็พยายามที่จะเก็บเมล็ดพันธุ์ผักที่สมาชิกชอบกิน แต่เมล็ดพันธุ์ผักที่เขาเก็บและปลูกได้เองเห็นจะมีแต่กวางตุ้ง ผักสลัด กับผักพื้นบ้านในพืชผักดั้งเดิมในไร่หมุนเวียน พวกบวบเหลี่ยม กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า มะระจีน และ ฯลฯ ก็ยังต้องซื้อเมล็ด
อิ่มมื้อเช้าแล้ว พี่เจนแจ้งว่า พี่แป๋งและพี่โหน่ง เจ้าของผลิตภัณฑ์สบู่และแชมพูอินทรีย์ ?ในสวน? จากราชบุรี จะมาสาธิตการทำแชมพูมะกรูดใช้เองให้พวกเราได้ทดลองกลับไปทำเองที่บ้าน แล้วต่อด้วยครอบครัว ?กาหลง? เจ้าของผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ?ไร่ดินดีใจ? ที่อยู่อุทัย จะมาบอกเล่าวิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และวิธีการทำถั่วงอกและแป้งถั่วเขียวอินทรีย์พร้อมสรรพคุณ ที่ทีมกินเปลี่ยนโลกได้เตลิดไปเยี่ยมมาแล้วถึงที่หนองขาหย่าง ซึ่งฉันจะขอยกไปไว้ตอนหน้า
การสาธิตจบลง เมนูมื้อกลางวันก็เข้ามาแทน
ต้มปลาใส่ผลมะตาด หยวกกล้วยผัดหมูสับ มะละกอผัดกับไก่ กับซุปแบบชาวโปวมักใส่ข้าวให้ข้นและรสนุ่มนวล รวมทั้งปลาร้าสับที่หมักจากเนื้อเม่น และผักแนมทั้งสดและสุกวางรอเราอยู่
ทั้งๆ ที่เพิ่งเติมกำลังกันไปหมาดๆ แต่ดูพี่แป๋งจะตำข้าวเหนียวเพื่อทำหมี่สิ* ไม่ไหว จึงส่งต่อให้หนุ่มๆ เจ้าบ้าน ขณะที่พวกเขาทำไป คุยไป เราเลยรู้ไต๋ว่า ปกติแล้ว การทำข้าวหมี่สิ ซึ่งต้องตำข้าวเหนียวใหม่ๆ ที่เพิ่งเกี่ยวได้จากไร่แล้วหุงสุกร้อนๆ ให้มีเนื้อเนียนละเอียดเคล้ากันไปกับงาคั่วบดแล้วและเกลือ จึงกินกับน้ำตาลรำแดงหรือน้ำผึ้งร้อนๆ ใหม่ๆ
แล้วแสนอร่อยนี้เป็นงานของสาวๆ
พี่เก๋อิ่มแล้วและกำลังเพลินกับการนวดเฟ้นของกาญจน์ หมอพื้นบ้านที่ขี่มอเตอร์ไซต์มาไกลจากบ้านราว 200 กม.มาสมทบตั้งแต่เมื่อวานเย็น พอพ้นมือหมอนวดก็ทำการโฆษณา จนฉันและพี่พยงค์ต้องต่อคิวรอ
ข้าวกลางวันกำลังเรียงเม็ดในท้องตึงๆ เราจึงค่อยขยับลงมาที่ลานเพื่อนั่งพูดคุยกันเพื่อเปิดใจรับรู้ในปัญหาระหว่างสมาชิก คนกิน คนปลูก และคนรณรงค์
จากวงสนทนาทำให้เราเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นว่าโครงการผักประสานใจ ไปไกลกว่าการปลูกผัก ? ขายผัก อินทรีย์ ซึ่งอยากชวนคุณผู้อ่านได้ฟังเสียงสดๆ แบบไม่ตัดไม่ต่อจากคนกินคนปลูกในโครงการนี้โดยตรงจากคลิ๊ปที่เอามาฝากข้างท้ายนี้
หมี่ แปลว่าข้าว หมี่สิหรือชาวเหนือเรียกขนมที่ทำในลักษณะนี้ว่าข้าวแดกงา