ตอนที่ 9 อยากให้มีตลาดแบบนี้ใกล้ๆ บ้าน
แชร์
61
email-subscribers
domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init
action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home4-ns1sg/food/domains/food4change.in.th/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114jetpack-boost
domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init
action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home4-ns1sg/food/domains/food4change.in.th/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114แชร์
61
61
นั่งรถไฟไปถึงสุรินทร์ตอนย่ำรุ่งปลายเดือนสิงหาที่ผ่านมา? แล้วเรียกสามล้อ ?ไป อบจ. ที่เขาเปิดตลาดสีเขียวทุกเช้าวันเสาร์ค่ะ? โดยไม่ต้องพูดคุยซักถามกันต่ออีก พี่สามล้อก็พาไปถึงที่ที่ว่าอย่างสะดวกสบายในเวลาอันสั้นๆ
ใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว? ร้านค้าซึ่งเป็นแพงเล็กๆ วางเรียงรายพร้อมทำการขาย และยังมีอีกหลายเจ้าที่ทยอยเอาผลผลิตของตัวเองขึ้นมาจัดวาง
ตลาดสีเขียว จ.สุรินทร์ เปิดมากว่า 6 ปีแล้ว ก่อนหน้าจะย้ายมาอยู่นี่นั้นพวกเขาวางแผงและทำกิจกรรมส่งเสริมความรู้คู่การขายแบบตลาดยุติธรรมที่หน้าเทศบาล ซึ่งนอกจากจะมีการเสวนาในหัวข้อต่างๆ ที่ผู้บริโภคสนใจแล้ว ยังมีกิจกรรมร่วมกันกับผู้บริโภค ?ขาประจำ? เช่น ไปเยี่ยมแปลงของชาวบ้านถึงที่? หรือมีการสอนการเก็บขยะสดและหมักเพื่อทำปุ๋ยให้กับผู้บริโภค โดยที่ ?โครงการขยะยิ้ม? จะให้ถังหมักพร้อมความรู้ไปในการแยกคัดขยะสด และจะมีรถของโครงการฯ แวะเวียนไปเก็บถังขยะมาแล้วนำไปหมักเป็นปุ๋ยน้ำหมักเพื่อให้ผู้ผลิตได้เวียนกลับไปใช้ในแปลงผัก-ข้าว? หรือช่วงไหนที่ผลผลิตออกมาก็จะจัดการพาลูกค้าตลาดเขียวลงไปเก็บเกี่ยวและลองกิน และซื้อกลับมาบ้าน ไปพร้อมๆ กับการรับรู้และเข้าใจในปัญหาการผลิต และวิธีคิดที่จะแก้ปัญหาแบบพลังกลุ่ม? รวมไปถึงได้เข้าไป check ? balance ราคาและมาตรฐานสินค้าถึงฟาร์มยันก้นครัวกันเลยทีเดียว
วิธีการพาลูกค้าลงทัวร์หมู่บ้านแล้วกันทำกิจกรรมนั่นนี่ที่ทำขึ้นมาได้ เพราะอาศัยความสัมพันธ์ที่สร้างกันแบบ ตัว-ต่อ-ตัว ระหว่างคนกินกับคนขาย ที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกันบนหลักความเอื้อเฟื้อและถ้อยทีถ้อยอาศัย? ไม่ใช่หลักการต่อรองแบ่งปันผลประโยชน์
ความรู้จัก คุ้นเคย จนลงเอยด้วยความไว้ใจที่จะคบหาทำการค้าขายกันในตลาดสีเขียวในช่วงแรกๆ เกิดจากกลุ่มผู้ผลิตเองที่กล้ายอมออกมาจัดจำหน่ายสินค้าของตน โดยอาศัยเพื่อนๆ ผู้ผลิตด้วยกันเป็นเป็นคนควบคุมคุณภาพและราคาสินค้า? บนฐานราคาที่คุ้มค่าต่อการผลิตซึ่งไม่จริงเสมอไปว่าสินค้าอินทรีย์จะต้องให้ผู้บริโภคจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ผู้บริโภคที่เข้ามาในตลาดสีเขียวแห่งนี้ยอมรับและจับจ่ายสินค้าได้เต็มใจว่าได้ของดี มีคุณภาพกลับไป หากว่าตลาดแห่งนั้นมีต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนเจือจานอยู่
จากตลาดสีเขียวขนาดเล็กๆ มีผู้ผลิตมาขายไม่มากราย เมื่อ 6 ปีก่อน ปัจจุบัน ทุกๆ เช้าวันเสาร์จะมีลูกค้าราว 300 ? 500 คน เข้ามาจับจ่ายซื้อหาอาหารจากฐานของผู้ผลิตในตลาดสีเขียว 80 ราย
ผู้ผลิตหัวขบวนที่นำผลผลิตมาขายเพื่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดสีแห่งนี้ เริ่มจากเป็นผู้ที่เปลี่ยนระบบการผลิตแล้วมีเหลือกินจึงเอามาขายในตลาด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่ายให้ผ่านช่วงการสร้างการยอมรับของผู้บริโภคในสุรินทร์ เมื่อมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นๆ เพื่อนๆ ผู้ผลิตที่รีรอ ลังเล รวมถึงยังไม่มีความพร้อมก็ขยับเขยื้อนตัวเองเข้ามาร่วมขบวนการ
กลุ่มผู้ผลิตเองก็มีความพยายามที่จะขยายการผลิตไปยังเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน? ก็ยังมีแผนการหนุนให้เพื่อนบ้านมาร่วมกันขบวนการผลิตสีเขียวของพวกเขาด้วย
ย้อนไปเมื่อปี 48 ก่อน? ชาวบ้านในชุมชน? 9 รายต้องการทำการเกษตรอินทรีย์ แต่มีหนี้สินเฉลี่ยคนละ 30,000 ? 50,000 บาท จนต้องเอาที่นาไปจำนองไว้? โดยนายทุนมีเงื่อนไขว่าให้เอา ?เงินก้อน? มาไถ่ถอน? ซึ่งปัญหานี้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการตัดสินใจเลือกการผลิตแบบอินทรีย์? และผลักให้พวกเขาแต่ต้องใช้ปุ๋ย ยา ซึ่งวิธีการผลิตแบบนี้ยากที่จะหลุดจากภาวะการติดหนี้ไปได้?? สมาชิกผู้ผลิตในตลาดสีเขียวจึงจัดทำโครงการไถ่ถอนหนี้สินโดยตั้งงบจากโครงการเกษตรยั่งยืนของเครือข่ายฯ เอง? และกิจกรรมระดมทุน ?ผ้าป่าที่ดิน? ได้เงินมา 2.5 แสนบาทมาไถ่หนี้ให้พวกเขา? แล้วเริ่มปรับเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์แบบที่ต้องการเป็นนายของตัวเองอย่างแท้จริงในปี 49 และได้นำสินค้าดีๆ จากส่วนเกินที่บริโภคในครัวเรือนมาจำหน่าย ณ แห่งนี้
นับแต่ปลดสภาพตัวเองจาก ?ลูกไล่? ของนายทุน มาเป็น ?นายของตัวเอง?? ตัดสินใจทำการผลิตที่รับผิดชอบต่อ ตัวเอง ลูกหลาน ผู้บริโภค ชุมชนที่เกื้อกูล? และธรรมชาติ??? วันนี้? พวกเขาทั้ง 9 ครอบครัวได้เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ในตลาดสีเขียวสุรินทร์ที่ผู้บริโภคยอมรับได้อย่างเต็มสุข และมีศักดิ์ศรี? โดยที่แต่ละครอบครัวจะมีรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ราว? 3,000 บาท จากสินค้าแห้ง? สินค้าสด สินค้ากึ่งสำเร็จ และสินค้าพร้อมรับประทาน ภายใต้มาตรฐานการผลิตของกลุ่มพวกเขาเอง
นอกจากกลุ่มผู้ผลิตจะรวมกันตั้งเป็นสหกรณ์เกษตรอินทรีย์กองทุนข้าวสุรินทร์ เพื่อผลิตและจำหน่ายข้าวอินทรีย์ในราคาที่เป็นธรรมทั้งคนปลูกและคนกินแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายจากระบบนาอินทรีย์ในวิถีชาวสุรินทร์ ที่ปลูกพืชผสมผสานสลับสับเวียนในนาข้าวด้วย งา และถั่ว? รวมทั้งยังมีที่หัวไร่ปลายนาและสวนครัวเพื่อปลูกผักพืชผลไม้เพื่อตอบสนองการบริโภคที่หลากหลาย ซึ่งจำหน่ายที่ ?ร้านข้าวหอม?? จ.สุรินทร์
นก? ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรทางเลือก จ.สุรินทร์? พาฉันเดินดูรอบๆ บริเวณ เดินไปเล็งไปว่าจะเอาอะไรกลับบ้าน พร้อมเพิ่มพูนความรู้ประสาคนไม่ค่อยรู้มาอีกว่า นอกจากคนใต้จะกินดอกดาวเรืองกับขนมจีนแล้ว คนสุรินทร์ยังกินใบดอกดาวกระจาย ,? เทคนิคการทำสีสวยๆ ในขนมจีนด้วยดอกไม้และผักพื้นบ้าน? ผักพื้นบ้านของอีสานอย่างผักขะแยงซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้-ไม่ใช่สารเคมีในนา พร้อมกับกบนายัดไส้ร้อนๆ หอมๆ แสนอร่อยและขนมจีนจานใหญ่เป็นมื้อเช้า ที่คัดเลือกมาจาก 60 พ่อค้า-แม่ค้าที่วางเรียงราย?
ฉันเก็บซับความรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน การผลิต เพื่อที่จะให้เราสามารถเลือกตัดสินใจกินได้ของเราก็ค่อยเจริญงอกงาม มาจากบรรดาแม่ค้า พ่อค้า ที่เป็นผู้ผลิตแบบอินทรีย์ตัวจริงเสียจริงไปพร้อมๆ กับการเลือกซื้อสินค้าเอากลับมาบ้าน?
ฉันไม่มีโอกาสได้มาตลาดสีเขียวที่สุรินทร์บ่อยนัก? แต่มาทุกครั้งก็จะตุนข้าวอินทรีย์กลับไป? ที่นี่มีข้าวอินทรีย์หลายสายพันธุ์ให้เลือก? ทั้งข้าวหอมมะลิ? ข้าวหอมปกาอำปึล(อำปึล – ดอกมะขาม)? ข้าวพญาลืมแกง? รวมไปถึงข้าวที่ให้สีต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิแดง? ข้าวเหลือง ข้าวหอมนิล ข้าวก่ำ (สีดำ)
ที่บ้านทะมอ และบ้านทัพไท ซึ่งเป็นแหล่งผลิตของสมาชิกตลาดสีเขียวส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาวเขมร? อาหารการกินไม่ว่าจะเป็น ข้าว กับข้าว รวมไปถึงขนมต่างๆ จึงคล้ายๆ กับภาคกลางและภาคใต้นัก
กลับมาถึงบ้านพร้อมข้าวกล้องแดง? น้ำผึ้ง? ส้มโอ? ไข่เค็ม ปลาร้า กะหรี่พัพ และอีกสารพัด เท่าที่จะแบกจะขนอาหารมาได้? นี่ถ้าตลาดใกล้บ้านมีแบบนี้คงไม่ต้องกลายเป็นบ้าหอบฟางอย่างนี้? … นึกอยู่ในใจ และไม่รู้เมื่อไหร่ว่ามันจะเป็นจริง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง ของฝากจากกินเปลี่ยนโลก | เกมส์จัดกล่องอาหารเปลี่ยนโลก